Loader

ศิวลึงค์ทั้งสิบสองแห่ง

Started by ศรีมหามารตี, September 22, 2009, 14:13:51

Previous topic - Next topic

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

   พี่ยีนส์  เอิ้ก  จั่วหัวกระทู้ดูน่ากลัวมะ  วันนี้มีการบ้านมาให้ทำ อิอิ  พี่ยังติดหนูเรื่องมนตรา เท่านั้นยังไม่จบ  หนูยังต้องการรายละเอียด เกี่ยวกับศิวลึงค์ทั้งสิบสองแห่งพร้อมประวัติความเป็นมา ห้ามย่อ  พร้อมบทสวดบูชาศิวลึงค์อย่างละเอียดทุกขั้นตอนกระบวนความ เคยเห็นอยู่ในบอร์ดโอมอารตี แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอเหนื่อยจนท้อแล้ว   และอีกอย่างคือมนตราที่สีลมใช้สวดบูชาพระแม่มารีอัมมันอะ ต้องการ  ที่พูดมาเนี่ยหนูเคยเห็นแบบผ่านๆ  ไง  ช่วยจัดการให้ด้วยนะค่ะ  บทบูชาศิวลึงค์นี่ยาวมาก  บูชามารีอัมมันที่พรามณ์ใช้บูชาพระแม่ก็ยาวเหมือนกัน อย่าลืมประวัติความเป็นมาศิวลึงค์สิบสองแห่ง พร้อมที่มาด้วยนะค่ะ  thank a lots


   เปลี่ยนชื่อกระทู้นิดนึงเพื่อความงดงาม

โอ้โห!! อยากได้เยอะจัง กั๊กๆๆๆ ตามคิวนะครับ ตอนนี้พี่ติดไว้หลายคิวเลย

เออ ลืมไปเลยเรื่องมนตรา เดี๋ยวๆๆ พรุ่งนี้จัดการให้ค๊าบ

จะรอฟังนะคะ
[HIGHLIGHT=#92d050]เมตตามหานิยม อยู่ที่...คุณธรรม[/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#92d050]เมตตามหานิยม อยู่ที่...คุณธรรม[/HIGHLIGHT]

ทำไมข้อมูลมันหายอะคัฟ
เมื่อวานเสาร์ยังเปิดมามีอยุ่เลยอะ
ข้าแต่พระวาคีศวรีเจ้า พระมารดาแห่งพระเวทย์ พระมารดาแห่งศฤงคาร พระมารดาแห่งขุนเขา 
ในนามของ พระปารวตี  ลักษมี  สรัสวตี  สาวิตรี  คายตรี พระองค์คือปรมาตมัน 
พระผู้เป็นที่รักยิ่งแห่งพระพรหม วิษณุ รุทระ
ด้วยพระกรุณาแห่งพระองค์ จักทำให้โลกที่มืดด้วยอวิทยาสว่างขึ้นโดยพุทธิปัญญา

โอม ตัต สัต

เกิดเหตุสุดวิสัยค่ะ

ไปอ่านตรงระเบียบและปัญหาการใช้งานดูนะคะ  เสียดายกันหมดเลย
[HIGHLIGHT=#92d050]เมตตามหานิยม อยู่ที่...คุณธรรม[/HIGHLIGHT]

แล้วจะเอามาลง
ใหม่ไหมอะคัฟ
ข้าแต่พระวาคีศวรีเจ้า พระมารดาแห่งพระเวทย์ พระมารดาแห่งศฤงคาร พระมารดาแห่งขุนเขา 
ในนามของ พระปารวตี  ลักษมี  สรัสวตี  สาวิตรี  คายตรี พระองค์คือปรมาตมัน 
พระผู้เป็นที่รักยิ่งแห่งพระพรหม วิษณุ รุทระ
ด้วยพระกรุณาแห่งพระองค์ จักทำให้โลกที่มืดด้วยอวิทยาสว่างขึ้นโดยพุทธิปัญญา

โอม ตัต สัต

ลงครับ เดี๋ยวผมเอามาลงให้ใหม่

แต่ตอนนี้ขอทางทีมงาน Back up ข้อมูล เพื่อเปลี่ยน Host ก่อนนะครับ

ใจเย็นค๊าบเพื่อนๆ

ได้ข่าว......ว่า
รอนานแหละ
อย่าลืมกันจิคัฟ
ข้าแต่พระวาคีศวรีเจ้า พระมารดาแห่งพระเวทย์ พระมารดาแห่งศฤงคาร พระมารดาแห่งขุนเขา 
ในนามของ พระปารวตี  ลักษมี  สรัสวตี  สาวิตรี  คายตรี พระองค์คือปรมาตมัน 
พระผู้เป็นที่รักยิ่งแห่งพระพรหม วิษณุ รุทระ
ด้วยพระกรุณาแห่งพระองค์ จักทำให้โลกที่มืดด้วยอวิทยาสว่างขึ้นโดยพุทธิปัญญา

โอม ตัต สัต

รอกระทู้นี้อยู่อะคัฟ
ข้าแต่พระวาคีศวรีเจ้า พระมารดาแห่งพระเวทย์ พระมารดาแห่งศฤงคาร พระมารดาแห่งขุนเขา 
ในนามของ พระปารวตี  ลักษมี  สรัสวตี  สาวิตรี  คายตรี พระองค์คือปรมาตมัน 
พระผู้เป็นที่รักยิ่งแห่งพระพรหม วิษณุ รุทระ
ด้วยพระกรุณาแห่งพระองค์ จักทำให้โลกที่มืดด้วยอวิทยาสว่างขึ้นโดยพุทธิปัญญา

โอม ตัต สัต

อ่ะ  ใช่ค่ะ  กิมก็รออยู่เช่นกันค่ะ
[HIGHLIGHT=#92d050]เมตตามหานิยม อยู่ที่...คุณธรรม[/HIGHLIGHT]

เอามาลงให้ใหม่นะครับ เกี่ยวกับชโยติลิงค์ ทั้ง 12 แห่งในอินเดีย หลังจากข้อมูลต่างๆ หายไปผมขอเอามาลงวันละแห่งนะครับ

ด้านล่างเป็นแผนที่ของศิวลึงค์ทั้ง 12 แห่งที่กระจายกันอยู่ทั่วอินเดียครับ




เริ่มกันที่แรกเลยครับ

1. ศิวลึงค์โสมนาถ อยู่เมืองโสมนาถปิกัต กรุงกุเรชัต ครับ




ประวัติความเป็นมา คือ

พระจันทร์มีภรรยาทั้งหมด 27 พระนางครับ และ 1 ใน 27 นั้นมีอยู่พระนางหนึ่งพระนามว่า นางโรหิณี เป็นนางอันเป็นที่รักยิ่งของพระจันทร์ คำว่าที่รักยิ่งนะครับ แน่นอนว่าพระจันทร์ต้องลำเอียงครับ โดยให้สิทธิพิเศษแก่พระนางโรหิณีครับ ทำให้อีกทั้ง 26 พระนางไม่พอใจ จึงนำเรื่องราวความน้อยใจทั้งหลาย ไปทูลฟ้องต่อพระบิดา ซึ่งก็คือ ท้าวทักษะ ครับ เมื่อท้าวทักษะได้ยินเรื่องราวทั้งหมดจึงได้เดินทางไปพบพระจันทร์ แล้วกล่าวตักเตือนในพฤติกรรมอันไม่เหมาะสมนั้น และบอกให้ปฏิบัติต่อนางทั้ง 27 อย่างเท่าเทียมกัน แต่ก็ดูว่าจะไม่เป็นผล เพราะพระจันทร์ยังคงมีพฤติกรรมเช่นเดิม จนเรื่องมาถึงหูท้าวทักษะอีกครั้ง ทำให้ท้าวทักษะโกรธมาก และสาปพระจันทร์ให้อ่อนกำลังลง อีกทั้งยังให้รัศมีไม่ส่องสว่างสุกใสเหมือนดังเดิม เมื่อถูกสาปพระจันทร์จึงนำความไปบอกพระพรหมให้ช่วยแก้คำสาปให้ แต่กลับกันครับ พระพรหมโกรธพระจันทร์ครับ ด้วยเรื่องทั้งหมดเป็นเพราะพระจันทร์ทำตัวเอง แต่สุดท้ายก็พระทัยอ่อนช่วยเหลือพระจันทร์โดยบอกหนทางในการแก้คำสาปให้ครับ โดยกล่าวว่า มีอยู่พระองค์เดียวเท่านั้นที่สามารถถอนคำสาปของท้าวทักษะได้ นั่นก็คือ พระศิวะครับ แต่การอัญเชิญพระศิวะนั้นยากยิ่ง ดังนั้นพระจันทร์ต้องบำเพ็ญตบะถึงพระศิวะ โดยต้องท่อม มหามฤตยุนชยะมนตรา บูชาต่อพระศิวะ ครับ และสถานที่ที่พระจันทร์ใช้นั่งบูชาพระศิวะก็คือ ที่ประดิษฐานศิวลึงค์แห่งนี้เองครับ ใน ศิวะ ปุราณะกล่าวว่าท่องไปถึง 10 โกฎิ ครับ บางตำราว่าท่องอยู่ 4,000 ปี พระศิวะจึงเสด็จมาโปรดพระจันทร์ครับ พระจันทร์ทูลขอร้องให้พระองค์ช่วยแก้คำสาปให้ แต่พระศิวะกล่าวว่า คำสาปใดที่ออกมาจากเหล่าเทวดาไม่สามารถลบล้างได้ทั้งหมด แต่ได้ประทานพรให้ว่า ใน 1 เดือนนั้น 15 วันท่านจะตกอยู่ในคำสาปของท้าวทักษะ แต่อีก 15 วันท่านจะสุกสว่างด้วยพระแห่งศิวะ ดังนั้นใน 1 เดือนจึงมีทั้งข้างขึ้นและข้างแรมครับ ((โยงมาได้ซะง้าน))


ขอบคุณมากค่ะพี่ยีนส์


ก็นะ โยงกันมาได้ไง  แต่ก็เป็นเรื่องราวที่สนุกนะคะ

จะรอติดตามอีก 11 แห่งนะคะ
[HIGHLIGHT=#92d050]เมตตามหานิยม อยู่ที่...คุณธรรม[/HIGHLIGHT]

สมดังใจนึก
พระเจ้าคุ้มครองคัฟๆๆๆๆๆ
ข้าแต่พระวาคีศวรีเจ้า พระมารดาแห่งพระเวทย์ พระมารดาแห่งศฤงคาร พระมารดาแห่งขุนเขา 
ในนามของ พระปารวตี  ลักษมี  สรัสวตี  สาวิตรี  คายตรี พระองค์คือปรมาตมัน 
พระผู้เป็นที่รักยิ่งแห่งพระพรหม วิษณุ รุทระ
ด้วยพระกรุณาแห่งพระองค์ จักทำให้โลกที่มืดด้วยอวิทยาสว่างขึ้นโดยพุทธิปัญญา

โอม ตัต สัต

คุณยีนส์เจ้าขา พี่ ญ รอดูด้วยคนนะคะ ไหนอ่ะ อีก 11 แห่งอ่ะ สวยงามมากมาย คริ คริ น่าฉงฉาน กระทู้รัดตัวจริงๆๆๆ So Hot จริง ๆ เวปมาสเตอร์ท่านนี้

วันละแห่งตามสัญญาครับ

แห่งที่ 2. ศิวลึงค์มัลลิการชุน หรือ ศรีไศล อยู่บริเวณเทือกเขาใกล้แม่น้ำกฤษณาครับ



ตรงนี้ตามตำนานมีสองอย่างครับ

ตำนานแรก คือ พระนารัทมุนีนำมะม่วงมาถวายต่อพระศิวะ คราวนี้ทั้งพระคเนชและพระขันทกุมารต้องการเสวยมะม่วงนั้น พระศิวะจึงตั้งโจทย์ครับ ว่าถ้าใครเดินทางได้รอบจักรวาลก่อน จะได้ผลมะม่วงนั้นมาครอบครอง ตรัสเสร็จ พระขันทกุมารเสด็จขึ้นมยุราแล้วเดินทางทันที ส่วนพระเคนชทรงใช้ปัญญาเดินวนรอบพระศิวะ และ พระแม่ปารวตีครับ แล้วทูลขอผลมะม่วงเป็นรางวัล โดยให้เหตุผลว่า ทั้งสองพระองค์เป็นบิดาและมารดาแห่งจักรวาล ในเมื่อลูกทักษิณารอบพระองค์ก็เทียบเท่ากับลูกเดินทางรอบจักรวาลเช่นกัน พระศิวะทรงชื่นชมในพระปัญญาจึงได้มอบมะม่วงให้เป็นรางวัลครับ เมื่อพระขันทกุมารกลับมาทรงไม่พอพระทัย จึงได้หนีไปอยู่บนเขาครับ ซึ่งทั้งสองพระองค์ก็ทรงเสด็จตามพระขันทกุมาร แต่เมื่อพระขันทกุมารเห็นทั้งสองพระองค์เสด็จดำเนินมาคราใดก็ต้องหนีไปที่อื่นซะเรื่อยครับ ดังนั้นแล้วทั้งสองพระองค์จึงแปลงพระวรกายเป็นพระศิวลึงค์และโยนี อยู่ที่บริเวณนั้นนั่นเอง เพื่อเฝ้าดูพระขันทกุมารด้วยความเป็นห่วงครับ

ตำนานที่สอง คล้ายๆ กันครับ แต่ต่างกันตรงที่พระขันทกุมารน้อยพระทัย ที่พระศิวะและพระแม่ปารวตีทรงให้พระเคนชสยุมพรกับพระนางสิทธิ และพระนางพุทธิก่อนครับ

ขอบคุณมากคร้า

ดั้ยความรู้มากๆๆๆเลยค่ะ

สนุกมากๆ

ขอบคุณมากๆ ค่ะ พี่ยีนส์

งั้นตกลงเหลืออีก 10 แห่งเน๊าะ

^^
[HIGHLIGHT=#92d050]เมตตามหานิยม อยู่ที่...คุณธรรม[/HIGHLIGHT]

มาต่อไวๆนะคัฟ
ข้าแต่พระวาคีศวรีเจ้า พระมารดาแห่งพระเวทย์ พระมารดาแห่งศฤงคาร พระมารดาแห่งขุนเขา 
ในนามของ พระปารวตี  ลักษมี  สรัสวตี  สาวิตรี  คายตรี พระองค์คือปรมาตมัน 
พระผู้เป็นที่รักยิ่งแห่งพระพรหม วิษณุ รุทระ
ด้วยพระกรุณาแห่งพระองค์ จักทำให้โลกที่มืดด้วยอวิทยาสว่างขึ้นโดยพุทธิปัญญา

โอม ตัต สัต

รออยู่นะคะ ^^
[HIGHLIGHT=#92d050]เมตตามหานิยม อยู่ที่...คุณธรรม[/HIGHLIGHT]

ได้ความรู้มากครับ ขอบคุณครับ น่าจะมีบริษัททัวร์จัดไปแสวงบุญนะครับ น่าสนใจมาก
โอมนมัชฉิวายะ..
[HIGHLIGHT=#ffffff]ชนใดหวังข้ามอุปสรรค  พึงพำนักพิคเนศนาถา
สำเร็จสมดังจินดา พระองค์พาข้ามพิฆะจัญไร
[/HIGHLIGHT]

ต่อแน่นอนครับ พอดีผมติดธุระไม่ได้เข้ามาสองวันแล้วครับ

ขออภัยนะค๊าบๆๆๆๆๆๆๆๆ

แห่งที่ 3 มหากาลหรือมหากาเลศวร อยู่ที่ อุชไชนะ




มีพราหมณ์ท่านหนึ่งอยู่ที่อุชไชนี ท่านเป็นพราหมณ์ที่เป็นสาวกผู้ยิ่งใหญ่แห่งพระศิวะมหาเทพ เนื่องจากท่านพราหมณ์เฝ้าบูชาต่อองค์พระศิวะมหาเทพทุกเช้าค่ำ พราหมณ์ท่านนี้มีลูกชาย 4 คน  ชื่อว่า เทวะปริย, เมตตาปริย, สุกฤษณ์ และ ธรรมพาหุ พราหมณ์จึงอยู่กับครอบครัวอย่างมีความสุข มีทุกอย่างในชีวิตอย่างเพรียบพร้อม จนกระทั่งตาย เชื้อสายพราหมณ์ที่สืบสกุลจากผู้เป็นบิดา ลูกชายทั้งหมดจึงอยู่ในตระกูลพราหมณ์และเฝ้าบูชาต่อพระศิวะ เช่นเดียวกับที่พราหมณ์ผู้เป็นพ่อเคยบูชามา

กล่าวถึงที่เขารตนาค เป็นสถานที่ซึ่ง อสูรดูซัน อาศัยอยู่โดยอสูรตนนี้ด้วยความอยากเป็นใหญ่จึงเฝ้าภาวนาถึงพระพรหม เพื่อให้พระองค์เสด็จมาประทานพรให้ พระพรหมพึงพอใจในการบูชา จึงให้พรแก่อสูรดูซัน เมื่อได้รับพรแล้วมันก็เที่ยวไปรุกราณเข่นฆ่าผู้คนมากมาย ทั้งในอาณาจักรของตัวเองและบริเวณข้างเคียงทั้งหมด ยกเว้นแต่บ้านหลังเล็กๆ ที่ 4 พราหมณ์พี่น้องอาศัยอยู่

เมื่อเห็นเช่นนั้นมันจึงสั่งลูกน้องให้ไปจับตัวพราหมณ์ทั้ง 4 ลูกน้องอสูรเดินทางมายังอุชไชนี และสร้างความโกลาหลต่างๆ แก่เหล่าผู้พักอาศัย จนกระทั่งเดินทางมาถึงบ้านของ 4 พราหมณ์ตามคำสั่งครับ ขณะที่เหล่าสาวกอสูรเดินทางมาถึงนั้น เป็นขณะเดียวกันกับที่ พราหมณ์กำลังบูชาพระศิวะอยู่ ดังนั้นพราหมณ์จึงไม่ได้ใส่ใจการมาของเหล่าอสูร รวมทั้งสิ่งที่สาวกอสูรได้กล่าถึงคำสั่งของหัวหน้ามัน แต่กลับยังตั้งใจบูชาอยู่อย่างเดียว จนอสูรโกรธและพยายามจะฆ่าพราหมณ์ทั้งสี่

ทันใดนั้นเองก็เกิดแผ่นดินไหว พร้อมกับพื้นดินที่แยกออกจากกัน เสียงของมันช่างน่าสยดสยอง พร้อมกันนั้นพระศิวะมหาเทพก็ปรากฎพระวรกายขึ้นบริเวณที่พื้นดินแยกออกจากัน พระองค์เริ่มฆ่าเหล่าอสูร และเดินทางไปยังเขารตนาคเพื่อฆ่าดูซัน เมื่อพระองค์ฆ่าดูซันเสร็จ จึงเดินทางกลับมายังบ้านของพราหมณ์ทั้ง 4 และตรัสถามว่าพวกท่านบูชาเราประสงค์สิ่งใดหรือไม่ ถ้าประสงค์สิ่งใดขอให้บอก เหล่าพราหมณ์ต้องการให้ตัวเองหลุดพ้น ข้ามไปอยู่ยังดินแดนของพระเจ้าเมื่อสิ้นอายุขัย แต่ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่นี้ขอพระองค์จงสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้เพื่อให้เหล่าข้าบูชาพระองค์ต่อไปด้วยเถิด

ดังนั้นแล้วพระองค์จึงแปลงพระวรกายเป็นศิวลึงค์ มหากาลหรือมหากาเลศวร อยู่ที่ อุชไชนะ นับแต่บัดนั้นเป็นต้นมาครับ

แห่งที่ 4 ศิวลึงค์ภีมศังกร ในฑากินี



อสูรตนหนึ่งชื่อ ภีม เป็นบุตรชายของกุมภกาณ(บ้านเรียกเรียก กุมภกัณฑ์) หลังจากกุมภกาณ ถูกพระรามสังหาร ภรรยาของกุมภกาณจึงได้นำภีมหนีไปอยู่ที่ภูเขาสัตยา

เมื่อภีมโตขึ้นจึงได้ถามแม่เกี่ยวกับพ่อของตน แม่จึงได้เล่าว่ากุมภกาณถูกพระรามฆ่า เมื่อได้ยินดังนั้นภีมสาบานว่าจะแก้แค้นให้กับพ่อให้ได้ นับจากวันนั้นมาภีมเฝ้าบูชาถึงแต่พระพรหมา เพื่อทำการขอพร จนกระทั่งพระพรหมปรากฎพระวรกายต่อหน้าภีมและประทานพรให้มีพละกำลังและความแข็งเหนือกว่าผู้อื่น จึงเริ่มฆ่าบรรดาเหล่ากษัตริย์ที่เกี่ยวข้องกับเมืองอโยธยา จนกระทั่งมาถึงเมือง กามารูป และจับกษัตริย์ขังคุก พระราชาผู้จนหนทางไม่รู้จะทำอย่างไร จึงได้แต่นั่งบูชาต่อพระศิวะมหาเทพ ด้วยมนตราอันศักดิ์สิทธิ์ 5 พยางค์ คือ "โอม นมัสศิวาย" ส่วนด้านพระเมหสีก็เฝ้าบูชาพระศิวลึงค์เพื่อให้พระศิวะทรงช่วยพระสวามีให้พ้นจากภัยพิบัติในครั้งนี้เช่นกัน

พระเป็นเจ้าทั้งหลายเมื่อทรงเห็นความทุกข์ยากของกษัตริย์และมเหสี ต่างมารวมตัวกันที่แม่น้ำมหาเกศี และช่วยกันบูชาต่อพระศิวะมหาเทพ พระศิวะจึงได้ปรากฎพระวรกายขึ้นต่อหน้าเหล่าเทวะและพระเมหสี และรับรองว่าภีมจะต้องถึงจุดจบ จากนั้นพระองค์เดินทางไปยังคุกที่คุมขังกษัตริย์แห่งกามารูป และบอกถึงการมาของพระองค์ และแปลงพระวรกายเป็นพระศิวลึงค์พร้อมกันนั้นก็ให้พระราชาบูชาถึงพระองค์ต่อไป

ขณะเดียวกันสมุนของภีม ได้ไปแจ้งกับภีมว่า พระราชาวันๆ ไม่ทำอะไรเอาแต่นังบูชาถึงพระศิวะ เมื่อได้ยินดังนั้นด้วยความโกรธแค้นเหล่าเทวดาอยู่ดั้งเดิมแล้วจึงไปยังคุกที่คุมขัง พร้อมกับเงื้อดาบจะฟันพระศิวลึงค์ แต่ทันใดนั้นเอง พระศิวะมหาเทพก็ปรากฎพระวรกายขึ้น การสู้รบระหว่างทั้งสองเป็นไปอย่างดุเดือด และเป็นเวลายาวนาน จนในที่สุดนารัดมุนีทนไม่ไหว จึงกล่าวยุกับพระศิวะว่า เร็วเถิดพระองค์ ทรงประหารชีวิตภีมเสียให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้

เมื่อได้ยินดังนั้นพระศิวะหัวเราะด้วยเสียงกึกก้องกัมปนาท พร้อมกับไฟที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วทั่วอาณาบริเวณที่พระองค์และภีมสู้กัน จนท้ายที่สุด ภีมและสมุน ก็โดนเพลิงจากพระศิวะเผาจนหมดสิ้น ดังนั้นแล้ว เหล่าเทวดาทั้งหลาย เหล่าพราหมณ์ทั้งหลาย และเหล่าบัณฑิตทั้งหลายรวมไปถึงกษัตริย์ และ มเหสี จึงขอให้พระองค์ทรงสถิตอยู่ที่นี่ พระองค์รับคำและแปลงพระวรกายเป็นพระศิวลึงสถิตอยู่ ณที่แห่งนั้นตลอดไป

ขอบคุณมากมายคัฟ
ข้าแต่พระวาคีศวรีเจ้า พระมารดาแห่งพระเวทย์ พระมารดาแห่งศฤงคาร พระมารดาแห่งขุนเขา 
ในนามของ พระปารวตี  ลักษมี  สรัสวตี  สาวิตรี  คายตรี พระองค์คือปรมาตมัน 
พระผู้เป็นที่รักยิ่งแห่งพระพรหม วิษณุ รุทระ
ด้วยพระกรุณาแห่งพระองค์ จักทำให้โลกที่มืดด้วยอวิทยาสว่างขึ้นโดยพุทธิปัญญา

โอม ตัต สัต

ขอบคุณมากๆ ค่ะ พี่ยีนส์

[HIGHLIGHT=#92d050]เมตตามหานิยม อยู่ที่...คุณธรรม[/HIGHLIGHT]

   ขอบคุณมากครับ  แล้วอีก8แห่งที่ไหนหรอครับ  ขอบคุณล่วงหน้าครับผม

อยู่ที่ผมนี่แหละครับ แฮ่ๆๆๆๆ
ตอนนี้เวลาโพสน้อยลงไปซักหน่อย เพราะที่บ้านขยายกิจการส่วนตัวนิดหน่อยครับ แต่จะเอามาลงแน่นอนครับ

ใกล้รวยแล้วหลอคัฟ
เอ๊ะ
ฤว่ารวยมานานแล้ว
คุคุ
ข้าแต่พระวาคีศวรีเจ้า พระมารดาแห่งพระเวทย์ พระมารดาแห่งศฤงคาร พระมารดาแห่งขุนเขา 
ในนามของ พระปารวตี  ลักษมี  สรัสวตี  สาวิตรี  คายตรี พระองค์คือปรมาตมัน 
พระผู้เป็นที่รักยิ่งแห่งพระพรหม วิษณุ รุทระ
ด้วยพระกรุณาแห่งพระองค์ จักทำให้โลกที่มืดด้วยอวิทยาสว่างขึ้นโดยพุทธิปัญญา

โอม ตัต สัต

เค้ารออยู่น๊า  .... พี่ยีนส์
[HIGHLIGHT=#92d050]เมตตามหานิยม อยู่ที่...คุณธรรม[/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#ffff00]ขอให้กิจการคุณกาลิทัส เจริญก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไปครับ จะได้นั่งบิหารงานอย่างเดียว และจะได้มาต่อภาพไวไวครับผม ขอบคุณครับ[/HIGHLIGHT]

ศิวลึงค์แห่งที่ 5 กาศี วิศวนาถ ที่เมืองพาราณสีครับ




มีตำนานเล่าว่า ครั้งหนึ่งสมัยกำเนิดจักรวาล พระศิวะและพระแม่ศักติทรงปรากฏในรูป พระอรรธนารีศวร (ครึ่งชายครึ่งหญิง) และได้ทรงแบ่งภาคออกเป็นชายและหญิงคู่หนึ่ง จากนั้นทรงมีบัญชาให้ทั้งสองไปบำเพ็ญตบะ ซึ่งพระศิวะได้ทรงสร้างนครกาศีขึ้นมา ชายหญิงคู่นั้นจึงลงไปบำเพ็ญตบะจนสำเร็จ เมือ่พระอรรธนารีศวรทรงปรากฏให้ทั้งสองได้เห็น จึงประทานพรให้ว่า "แต่นี้ไปดินแดนแห่งนี้จงเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเรา เราจะมาเยี่ยมเยียนพวกเธออยู่เสมอๆ และในดินแดนนี้จงปรากฏเราในรูปของ กาศีวิศวนาถ อันเป็นศิวลึงค์สัญลักษณ์แห่งเรา ใครก็ตามที่มาบูชาจงพบแต่ความสุขสถาพรตลอดไป"

ด้วยเหตุนี้ชาวฮินดูจึงเชื่อกันว่า ดินแดนพาราณสีเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เพราะนอกจากจะมีกาศีวิศวนาถศิวลึงค์แล้ว ยังมีแม่น้ำคงคาอันเป็นสายน้ำศักดิ์สิทธิ์ไหลผ่านอีกด้วย
                     
                    Jai Maa Adhi Shakti
                     जय माँ आधी शक्ति

มาติดตามที่เหลือต่อครับ ชอบๆ

เคยโพสต์ครบไปแล้วแต่หากระทู้ที่เหลือไม่เจอครับ เอาไว้ผมโพสต่อให้ในกระทู้นี้นะครับ

ครับผม รอติดตามตอนต่อไปนะครับ ขอบคุณ คุณกาลิทัส มากครับผม

January 05, 2013, 22:10:13 #35 Last Edit: January 05, 2013, 22:36:28 by ศรีเคารีปุตรายะ
ศิวลึงค์แห่งที่ 6 ราเมศวร อยู่บนเกาะปัมบัน ทางใต้สุดระหว่างอินเดียกับศรีลังกา



มีตำนานเล่ากันมาว่า สมัยตอนที่พระรามทรงออกตามหาพระเทวีสีดาที่โดยราวัณ(ทศกัณฐ์)ลักพาตัวไปไว้ยัง ณ เกาะลังกา(เมืองลงกา) ซึ่งหลังจากที่หนุมานไปสืบข่าวจนรู้ว่าเกาะลังกาอยู่ในมหาสมุทรทางทิศทักษิณ พระรามจึงทรงยกพลวานรไปยังทิศใต้ แต่ด้วยความที่ว่าเกาะลังกาอยู่ไกลจากชายฝั่งมหาสมุทรค่อนข้างมาก พระรามจึงทรงกระทำพิธีบูชาพระศิวะ โดยทรงสร้างศิวลึงค์ขึ้นมาจากทรายริมทะเลนั้นเอง แล้วกระทำพิธีบูชาจนกระทั่ง พระศิวะทรงปรากฏพระองค์ และทรงประทานคำแนะนำว่า ให้วานรทั้งสองในกองทัพ คือ นล และ นิล ซึ่งชำนาญในการจองถนน(สร้างถนน)สร้างถนนข้ามไปยังเกาะลังกาโดยให้สลักบนหินด้วยอักษรว่า"ราม"อันเป็นพระนามของพระรามนั่นเอง ซึ่งหินนั้นจะลอยน้ำและจะสามารถสร้างถนนข้ามไปยังเกาะลังกาได้ และได้ทรงประทานพรอีกด้วยว่า ต่อไปในภายหน้าที่แห่งนี้และศิวลึงค์ที่พระรามทรงสร้างขึ้นนั้น จะถูกเรียกขานตามนามของพระรามว่า "ศรีราเมศวร" และใครก็ตามที่มาสักการะบูชา ก็จะได้พรสมปรารถนาทุกประการสืบไป


ส่วนสะพานพระรามหรือเสตุบันนัั้น มีการค้นพบว่ามีอยู่จริง โดยจะเห็นได้จากภาพถ่ายทางอากาศและทางดาวเทียม แต่ยังไม่ปรากฏแน่ชัดว่าสร้างในสมัยใด

                     
                    Jai Maa Adhi Shakti
                     जय माँ आधी शक्ति

ศิวลึงค์แห่งที่ 7 เกฑาเรศวร หรือ เกฑานาถ ในเทือกเขาหิมาลัย





มีตำนานเล่าว่า ครั้งหนึ่งมีฤาษีสองตน นาม "นระ" และ "นารายณ์" (เป็นอวตารของพระนารายณ์ปางหนึ่ง) ได้ออกบำเพ็ญตบะบูชาพระศิวะ โดยสร้างศิวลึงค์ขึ้นจากหิมะบนเขาหิมาลัยนั้นเอง และกระทำพิธีบูชาจนพระศิวะพอพระทัย เมื่อพระศิวะทรงปรากฏให้ทั้งสองได้เห็น ทั้งสองขอพรให้ศิวลึงค์ปรากฏอยู่ ณ ที่นี่ เพื่อให้ผู้ที่ศรัทธาได้บูชาและขอพรจากพระองค์สืบไป พระศิวะจึงทรงประทาน"ชโยติลึงค์"(อำนาจของพระศิวะ)ไปสถิตในศิวลึงค์ที่ทั้งสองสร้างขึ้น และอวยพรว่า ต่อไปที่แห่งนี้จะเรียกว่า เกฑาเรศวร หรือเกฑานาถ และใครก็ตามที่มาขอพรก็จะได้สมประสงค์ทุกประการ และนอกจากนั้นยังได้ประทานพรให้ฤาษีนระ และฤาษีนารายณ์ด้วยว่า ทั้งสองจะบังเกิดอีกครั้งในสมัยทวาปรยุค โดยฤาษีนระ จะจุติเป็น "อรชุน" หนึ่งในพี่น้องปาณฑพ และฤาษีนารายณ์ จะจุติเป็น "พระกฤษณะ" กษัตริย์เชื่อสายยาฑพ อันเป็นปางที่ 8 ของพระนารายณ์นั่นเอง
                     
                    Jai Maa Adhi Shakti
                     जय माँ आधी शक्ति

  go go go พี่ยีนส์ [HIGHLIGHT=#ffffff]ต่อ เอามาลงอีก[/HIGHLIGHT]